พระขุนแผนบ้านกร่าง และ
พระขุนแผนไข่ผ่า วัดพระรูป
Khunpaen Bankrang &
Khunpaen Wat Phraroop 

พระขุนแผนบ้านกร่าง
Khunpaen Bankrang

พระขุนแผนบ้านกร่าง จ.สุพรรณบุรี อายุการสร้างราว 400 ปี ภาพ1 พิมพ์ห้าเหลี่ยมอกใหญ่  ภาพ2 พิมพ์ทรงพล

Khunpaen Bankrang, Suphanburi province, around 400 years age. pic1: Phim Haliam Okyai
pic2: Phim Songphol  

พระขุนแผนไข่ผ่า กรุวัดพระรูป
Khunpaen KaiPah, Wat Phraroop 

พระขุนแผนไข่ผ่า กรุวัดพระรูป มีอายุการสร้างราว 600 ปี (ภาพ 3)

Khunpaen KaiPah, Wat Phraroop, Suphanburi, around 600 years age (pic3). 

Credit:
khaosod.co.th
uauction2.uamulet.com

พระพุทธรูปปางมหาจักรพรรดิ์
The Imperial Buddha Image

The Imperial Buddha image is called in Thai "Phra BudhRoop Pang Maha Chakkrabhat" which is the Buddha image of the great emperor form. 

The Budddha images of this style have been created following a Buddhistic legend that Lord Buddha subdues the egoistic King Chombhupati. 

The King with his mighty miraculous power thought that he was the greatest emperor that no emperor in this world could compare him.

He had bullied King Bhimbhisara who later made help request to Lord Buddha. 

Lord Buddha transformed himself to become a hugh-body emperor elegantly decorated with rare nice jewels - the Imperial Buddha.

The Imperial Lord Buddha looked extremely far elegant than King Chombhupati, and the King declared his surrender. The Lord taught him to practice in proper ways. At last, he requested to the Lord for ordination. 

Every (Dhamma) Buddha has his own imperial body as the supporter or look-after version.

By Thai Buddhists' belief whoever respects the Imperial Buddha, he or she will be well protected and reaches all well-being courses with great weath.

The very able and famous master LP Doo (B.E.2447-2533), Wat Sakae, Ayutthaya, deeply respects the Imperial Buddha. He wrote a very important "Imperial Buddha Katha". 

Whoever chants the Katha fluently and often think of the Katha automatically, his or her inner body will be tranformed to become the Imperial Buddha. 

Then, he or she will be well protected and can have everything as to the Imperial Buddha.

พระพุทธรูปปางมหาจักรพรรดิ์ นิยมสร้างขึ้นในประเทศไทย  เป็นที่รู้กันในบรรดาลูกศิษย์ลูกหาของ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ว่า หลวงปู่มีความศรัทธาพระพุทธรูปปางมหาจักรพรรดิ์นี้มาก  นอกจากนี้ท่านยังได้เรียบเรียงพระคาถามหาจักรพรรดิ์ขึ้นจากชมพูปติสูตร ในตอนที่พระพุทธเจ้าทรงเนรมิตพระองค์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์เพื่อกำราบทิฐิพญาชมพูบดี เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สวด เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของชีวิตและป้องกันภัยต่างๆ

ศิษย์สายหลวงปู่ดู่ เชื่อว่า ผู้ใดได้บูชาสักการะพระพุทธรูปปางนี้ และสวดพระคาถานี้ ชีวิตรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน พรั่งพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติ  อุปสรรคต่างๆที่เคยมีจะหมดไป เรื่องร้ายจะกลับกลายเป็นดี แคล้วคลาดจากสรรพอันตรายทั้งปวง

ส่วนที่มาของพระพุทธรูปปางจักรพรรดิ์ มาจากครั้งที่พระพุทธองค์ทรงปราบมิจฉาทิฐิของพญาชมพูบดี โดยแปลงเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ (พระพุทธรูปปางนี้ จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า “พระพุทธรูปปางปราบพญาชมพูบดี” โดยมีเนื้อเรื่องอธิบายไว้ดังนี้

พญาชมพูบดีผู้มีฤทธิ์เดชมาก มีความริษยาพระเจ้าพิมพิสาร เพราะทรงมีปราสาทงดงามกว่าปราสาทของพระองค์ จึงมารุกรานข่มเหง จนพระเจ้าพิมพิสารต้องหนีไปพึ่งพระบารมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงเนรมิตพระองค์เองเป็นพระเจ้าราชาธิราชที่งดงามดุจท้าวมหาพรหม และรับสั่งให้ท้าวสักกเทวราชแปลงเป็นราชทูตไปทูลเชิญพญาชมพูบดีมา

พญาชมพูบดีตกตะลึงในความงดงามและความยิ่งใหญ่แห่งพระนครของพระราชาธิราช พระพุทธองค์ทรงให้โอกาสพญาชมพูบดีแสดงอิทธิฤทธิ์ แต่ก็พ่ายต่อพระพุทธองค์ จึงทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับคืนสู่สภาพเดิมและทรงแสดงธรรมโปรด จนพญาชมพูบดีเบื่อหน่ายในราชสมบัติอันไม่ยั่งยืน ทูลขออุปสมบท พระพุทธองค์ทรงประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทาแก่พญาชมพูบดี

พระคาถามหาจักรพรรดิ์

นะโมพุทธายะ พระพุทธะ ไตรรัตนะญาณ
มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะ สุธรรมา
พุทโธ ธัมโม สังโฆ ยะธาพุทโมนะ
พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา
อัคคีทานัง วะรังคันธัง สีวลี จะมหาเถรัง
อะหังวันทามิ ทูระโต อะหังวันทามิ ธาตุโย
อะหังวันทามิ สัพพะโส พุทธะ ธัมมะ สังฆะ
ปูเชมิ

ผู้สวดพระคาถามหาจักรพรรดิ์ กายในจะทรงเครื่องจักรพรรดิ์  แผ่บุญบารมีช่วยเหลือสัมภะเวสีที่ตายก่อนหมดอายุขัยไปเกิดตามกำลังกรรมได้ โดยไม่ตกค้างติดอยู่ที่ใดที่หนึ่งเป็นเวลานับร้อยนับพันปี นับเป็นบุญมหาศาลที่ได้ช่วยเหลือเขาเหล่านั้น

ผู้สวดพระคาถามหาจักรพรรดิ์ หรือแขวนพระจักรพรรดิ์ ย่อมมีอิทธิฤทธิ์บุญญฤทธิ์ เพราะจักรพรรดิ์มีสัตตะรัตนะ 7 อันได้แก่ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว นางแก้ว แก้วมณี เป็นบริวาร วิญญานภูติผีปีศาจที่คิดจะมาทำร้าย จักรแก้วจะออกไปจัดการทันที

เมื่อกายในเป็นจักรพรรดิ์ ย่อมดึงดูดบารมีทั้งทางโลกและทางธรรม เหมือนที่จักรพรรดิ์มี แต่เราต้องสวดมนต์จนจิตเราเป็นเนื้อเดียวกับจักรพรรดิ์ จึงจะเกิดคลื่นบุญมหาศาล เหตุเพราะกระแสบุญบารมีจักรพรรดิ์ยังไม่รวมตัว ยังกระจายอยู่ทั่วอณูจักรวาล จึงยังดึงดูดเข้ามาได้

Credit:
wikipedia.org
tnews.co.th
Youtube.com
แสงชัยพุทธศิลป์
Athinan Aumboon
royalbuddhasiam.worddpress.com
sites.google.com (นามมะโน รัตนธรรมเจริญ)

รูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พ.ศ.2495 

สร้างและปลุกเสกโดยหลวงปู่นาค โสภโณ เจ้าอาวาสวัดระฆัง ในขณะนั้น

เครดิตภาพ: web-pra.com

พระบัวเข็ม (Phra BuaKem)

พระบัวเข็ม เป็นพระที่นับถือกันว่า ให้โชคให้ลาภ ให้ความมั่งคั่งแก่ผู้นับถือบูชา  โบราณกาลเมื่อสร้างพระบัวเข็มขึ้น ก็จะเจาะรูบนองค์พระเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุหรือพระธาตุ แล้วอุดด้วยฝาจุก ต่อมาในกาลภายหลังแม้จะไม่นิยมบรรจุพระบรมสารีริกธาตุหรือพระธาตุก็ตาม  แต่ฝาจุกยังคงอยู่ บางทีก็แกะเป็นตุ่มนูนพอให้รู้  ตูมนูนนี้แหละคล้ายหัวเข็มหมุด จึงเรียกชื่อพระให้เข้าใจง่ายๆว่า "พระบัวเข็ม"  ต่อมาในยุคหลังเมื่อมีการสร้างพระบัวเข็มขนาดเล็กสำหรับห้อยบูชา ก็ยังคงตุ่มนูนเอาไว้ดังที่พบเห็นทั่วไป

Phra BuaKem is an important amulet of goodluck, wealth & fortune. Phra BuaKem a transformed form of Phra Upakhut who is so powerful for unlimited miracles. In the old days when a Phra BuaKem has been created, many holes will be drilled on his body for putting Buddha or Arahant relics inside and plugged with protruded cover caps which look like pin heads. Later, putting relics into the holes is not pupular, but the protruded cover caps are still be there - represented by pin-head knobs.     

เครดิตภาพ:
baantonmai-art.com
dd-pra.com

พระพุทธกวัก - Phra Buddhakwak

พระปางประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทา หรือที่เรียกทั่วไปว่า ปางพุทธกวัก  เป็นปางที่แสดงถึงพระพุทธองคประทานการบวชให้พระอัญญาโกณฑัญญะ โดยเอ่ยพระวาจา "เอหิ ภิกขุ"  ยังผลให้พระอัญญาโกณฑัญญะเป็นพระกิกษุรูปแรกโดยสมบูรณ์ในพระพุทธศาสนา

Credit: 

eauction.uamulet.com

uauction3.uamulet.com

พระพุทโธน้อย Phra BuddhoNoi

พระพุทโธน้อย สร้างขึ้นที่วัดอาวุธวิกสิตาราม บางพลัดนอก ธนบุรี โดย พระอาจารย์สงวน โฆสโก เจ้าอาวาสวัดอาวุธฯ ในขณะนั้น คุณแม่บุญเรือนได้ร่วมสร้างและทำพิธีอธิษฐาน เมื่อ 11-13 กันยายน 2494 จัดสร้างรวมจำนวน 100,000 องค์ และกลายเป็นพระเครื่องศักดิ์สิทธิ์ในด้านเมตตามหานิยม ป้องกันภัยแคล้วคลาด เจริญโภคสมบัติ กำจัดโรคร้าย

ภาพ: จากบนลงล่าง พิมพ์เล็ก, พิมพ์เล็ก, พิมพ์กลาง, พิมพ์ใหญ่ 

Phra BhuddhoNoi, B.E.2494

Created in B.E.2494 by KhunMae BoonRuan for Wat Arwuth. The then Abbot of Wat Arwuth was Acharn SaNguan Kosago. The number of creation:100,000 pcs for all molds - big, medium and small, but mostly are Phim Lek (small mold).   

Pics (top to bottom): Small Mold, Small Mold, Medium Mold, Big Mold       

.........................

Amulets for Education

Credit:

komchadluek.net

uauction3.uamulet.com

amulet2u.com

พระนางพญา เนื้อผง หลวงปู่นาค วัดระฆัง ธนบุรี ปี 2495
LP Nak holy-powder Nangphaya, Wat Rakang, B.E.2495

พระพิมพ์นางพญา ของหลวงปู่นาค หายากกว่าพระสมเด็จหลากพิมพ์ของท่าน  นานๆจะพบเจอสักองค์  เซียนของดีราคาถูกรุ่นเก๋าเห็นเข้าจะคว้าทันที โดยที่คนอื่นไม่รู้ว่า เป็นพระวัดไหน  เมื่อก่อนยังพอหลงหูหลงตาให้เห็น  เดี๋ยวนี้ไม่เห็นแล้ว เพราะถูกคนตาดีเก็บหมด

LP Nak holy-powder Nangphaya of white and yellow-white colors, B.E.2495 have been known in among old-time veteran collectors- they are very rare- please see the pics. But the most rarest is of NuaPhong Phasom ChanMaak (holy-powder mixed with chewing betel nut) - it's of red-brown color.    

LP Nak Nangphaya are much more harder to find than his various molds of Somdejs. About 20-30 years ago, they can be scatterly seen in amulet market but now never because they were snatched up by hawk-eyed collectors.   

Photo Credit:

www.dd-pra.com & วิจิตรศิลป์
www.web-pra.com & sumsawang 

วิหารเทพวิทยาคม วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา
Vihara ThepWittayakom, Wat Banrai, Nakonratchasima 

วิหารเทพวิทยาคม ตั้งอยู่ที่วัดบ้านไร่ ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา ถือเป็นอุทยานธรรมกลางบึงน้ำขนาดใหญ่ ก่อสร้างขึ้นตามเจตนารมณ์ของหลวงพ่อคูณ ที่ต้องการจะให้เป็นมหาวิหารแห่งพระไตรปิฎก ทั้งยังเป็นสถานที่รวบรวมพุทธประวัติ พระวินัย และพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงแสดงไว้ทั้งหมด

วิหารเทพวิทยาคม เป็นอุทยานธรรมกลางบึงน้ำขนาดใหญ่ อาคารทรงกลม มีทั้งหมด 4 ชั้น (ไม่รวมชั้นใต้ดิน) ซึ่งแต่ละชั้นมีเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธศาสนามากมาย เช่น พุทธประวัติ, พระวินัยปิฎกและวิวัฒนาการของพระพุทธ, ศาสนาหลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน และเรื่องราวของพระธรรมปิฎก เป็นต้น ทั้งนี้แต่ละชั้นของวิหารเทพวิทยาคมประกอบด้วยสิ่งที่น่าสนใจดังนี้

ชั้นใต้ดินของวิหารเทพวิทยาคม

ชั้นใต้ดินของวิหารเป็นส่วนจัดแสดงและให้ผู้เข้าชมได้เลือกรับของที่ระลึกจากเงินทำบุญของท่านผู้เข้าชมเอง บรรยากาศโดยรอบจัดตกแต่งให้เสมือนท่านได้อยู่ในท้องนทีอันศักดิ์สิทธิ์ หรือโลกใต้บาดาล

ชั้น 1 แสดงภาพพุทธประวัติ
ภาพที่ 1 พุทธอนุโมทนา (ประสูติ)
ภาพที่ 2 พุทธปัญญา (ตรัสรู้)
ภาพที่ 3 พุทธปาฏิหาริย์ (เผยแผ่พระพุทธศาสนาแด่เหล่าเทวดา)
ภาพที่ 4 พุทธบารมี (เผยแผ่พระพุทธศาสนาแด่เหล่ากษัตริย์และนักบวช)
ภาพที่ 5 พุทธปีติ (เผยแผ่พระพุทธศาสนาแด่ชาวบ้าน หมู่มาร และนักบวช)
ภาพที่ 6 ปฐมพุทธศาสน์ (ปรินิพพาน)

ชั้น 2 นำเสนอเรื่องราวของพระวินัยปิฎก และวิวัฒนาการพระพุทธศาสนา หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน อาทิ ศีล 227 ข้อ และเรื่องราวของนิกายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการตีความพระวินัยและพระธรรมคำสอนในหลากหลายแง่มุม ส่วนพื้นที่สงบเงียบตรงกลางนั้นเป็นพื้นที่โล่งให้สาธุชนได้อธิษฐานจิต เพื่อเป็นกุศลแก่ตนเอง

ชั้น 3 นำเสนอเรื่องราวของพระธรรมปิฎก พระธรรมขันธ์   จิตรกรรมวิจิตรบนเพดานชั้น 3 เป็นใบโพธิ์มากกว่า 84,000 ใบ

ชั้นดาดฟ้า วิหารเทพวิทยาคม  ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ และรูปหล่อปิดทองคำหลวงพ่อคูณ

วิหารเทพวิทยาคม ประกอบขึ้นด้วยโมเสกมากกว่า 20 ล้านชิ้น และใช้แรงงานชาวบ้านเป็นผู้ติดอย่างละเอียดด้วยจิตศรัทธาและสมาธิ เพราะ 1 วัน 1 คน สามารถติดเซรามิกโมเสกชิ้นเล็กที่สุดเท่าเม็ดถั่วเขียวได้เพียงไม่เกิน 1 ตารางเมตร

Credit ข้อมูลและภาพ:
www.pantip.com
www.facebook.com/wefoto
travel.kapook.com         

หลวงปู่ทิมและหลวงพ่อทาบร่วมพิธีปลุกเศก
LP Thaab And LP Tim In A Consecration Ceremony, Early 2500s

หลวงปู่ทิม (ซ้ายสุด) หลวงพ่อทาบ (กลาง) 
LP Tim (front row--far left) and LP Thaab (front row-- center) 

หลวงพ่อทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง กับหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ทั้งสองท่านเป็นพระเถระผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านวิทยาคมของจ.ระยอง และสนิทสนมเป็นสหธรรมมิกใกล้ชิดไปมาหาสู่กันเสมอ หลวงพ่อทาบท่านเกิดปี 2420 แก่กว่าหลวงปู่ทิม 2 ปี

เมื่อหลวงพ่อทาบมีพิธีปลุกเสก ก็จะนิมนต์หลวงปู่ทิมไปร่วมงานด้วยเสมอ
ครั้นเมื่อหลวงปู่ทิมมีงานปลุกเสก ก็จะนิมนต์หลวงพ่อทาบไปร่วมด้วยเช่นเดียวกัน เพราะต่างฝ่ายต่างนับถือธรรมปฏิบัติและวิทยาคมของกันและกันว่า ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน

อาจารย์ปถม อดีตสหกรณ์ จ.ระยอง ถึงกับพูดว่า ถ้าพระเครื่องหลวงพ่อทาบแล้ว ต้องถือว่าเป็นพระเครื่องหลวงปู่ทิม เพราะหลวงปู่ทิมมาปลุกเสกให้ ท่านอาจารย์ปถมได้พูดถึงสองพระอาจารย์ว่า ทาบทิม ทาบทิม หมายถึง ของของหลวงพ่อทาบก็คือของหลวงปู่ทิม ของหลวงปู่ทิม คือ ของหลวงพ่อทาบ 

Credit: 
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=9564.0%3Bwap2
https://www.facebook.com/pradonmueang/posts/680762471994777?pnref=story

หลวงปู่ทิมเป็นประธานงานศพหลวงพ่อทาบ
LP Tim presided over LP Thaab's funeral ceremony. 

หลวงพ่อทาบอาวุโสกว่าหลวงปู่ทิมเล็กน้อย ทั้งสองท่านสนิทสนมกันมาก เมื่อสมัยเป็นพระหนุ่มไปหาแสวงหาพระอาจารย์ที่แก้กล้าวิชาอาคมด้วยกัน แม้ภายหลังก็ไปมาสู่กันและกันเสมอ เมื่อหลวงพ่อทาบสร้างพระ ก็จะนิมนต์หลวงปู่ทิมมาร่วมปลุกเศก ครั้นเมื่อหลวงพ่อทาบมรณภาพเมื่ิอปี 2509 หลวงปู่ทิมก็ไปเป็นประธานงานศพหลวงพ่อทาบ (ดูภาพในโพสต์นี้)

Credit:
http://www.bp.or.th/webboard/index.php?topic=9564.0%3Bwap2
https://www.facebook.com/497996853578306/photos/a.498395923538399.128621.497996853578306/506273529417305/?type=3&theater

พระดิน 9 ชัย - LP Daeng baked-clay amulets

LP DAENG BAKED-CLAY AMULETS,WAT KAOBANDAI-IT, PETCHBURI, B.E.2513

Apart from holy powder Somdejs of various colors - red, yellow, and black; LP Daeng's amulets of Wat KaoBandai-it, Petchburi still have many molds of baked clay amulets as shown above. 

LP DAENG BAKED-CLAY SOMDEJS

Police Lt Col Prasong Jermporn (who had police rank at that time as Police Lt) was the layman-president for B.E. 2513 LP Daeng amulets creation confirming that the baked-clay Somdejs were blessed the same time with the holy-powder Somdejs by LP Daeng specifically for containing in a Chedi (cone-shaped stupa) because they are more enduring than holy-powder Somdejs. 

Five years after that (B.E. 2518/2519), they were excavatedly stolen from the Chedi. 

Watch & listen to Police Lt Col Prasong Jermporn's interviews in Youtube videos: 

At 8.40 mins:

https://www.youtube.com/watch?v=IdeGrl8TGbs&feature=youtu.be

At 8.20 mins:

https://www.youtube.com/watch?v=XVvLcTH6UCQ&feature=youtu.be

*** Pics source: www.g-pra.com

http://www3.g-pra.com/webboard/show.php?Category=general_talk&No=14385